ข่าวสารและบทความล่าสุด

Athentic Consulting’s team of experienced experts bring you the
latest news and insights in law and regulations.

เก็บข้อมูลการแพ้อาหารอย่างไรให้ถูกต้องตาม PDPA

 เคยสงสัยกันหรือไม่ว่า ข้อมูลการแพ้อาหาร (Food Allergy) เป็นข้อมูลส่วนบุคคลประเภทข้อมูลอ่อนไหว (Sensitive Data) หรือไม่ และหากเป็นข้อมูลอ่อนไหว จะต้องดำเนินการอย่างไรให้ถูกต้องตาม PDPA และที่สำคัญที่สุด ต้องขอความยินยอมก่อนเก็บเสมอไปใช่หรือไม่

ด้วยการรับประทานอาหารเป็นสิ่งธรรมดาสามัญในชีวิตประจำวันของทุกคน โดยเฉพาะในยุคปัจจุบัน ที่การเดินเข้าร้านอาหารนั้นง่ายกว่าการทำอาหารรับประทานเอง ผู้ประกอบการด้านอาหารและเครื่องดื่มที่ห่วงใยความปลอดภัยของลูกค้าจึงหลีกเลี่ยงการเข้าถึง ‘ข้อมูลการแพ้อาหาร’ ได้ยาก และหากจะต้องขอความยินยอมจากลูกค้าก่อนทุกครั้ง แน่นอนว่าลูกค้าผู้เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอาจเกิดอาการเหนื่อยหน่ายในการให้ความยินยอม หรือ consent fatigue ซึ่งนำไปสู่ประสบการณ์ทางการบริการที่ไม่ดี และการเลือกจะปฏิเสธไม่ให้ความยินยอมในการเก็บรวบรวมข้อมูลใด ๆ เลย สุดท้ายแล้วย่อมส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจของผู้ควบคุมข้อมูลทั้งหลายในที่สุด

อาการแพ้อาหาร (Food Allergy) เป็นกลไกของระบบภูมิคุ้มกันอย่างหนึ่งของร่างกายมนุษย์ที่จะสร้างภูมิต้านทานชนิดอี (Immunoglobin E: IgE) หลังจากที่ได้รับประทานอาหารที่แพ้เข้าไปในครั้งแรก ซึ่งต่อไปหากมีการรับประทานอาหารชนิดนั้นอีกครั้ง อาหารจะกระตุ้นให้ร่างกายมีการหลั่งสารเคมีที่ทำให้เกิดอาการแพ้ออกมา และก่อให้เกิดอาการทางร่างกายตามระดับความรุนแรงของการแพ้ เช่น อารการคันคอ ปาก หรือจมูก อาการหนังตาบวม หรือหายใจไม่ออก เป็นต้น ซึ่งการวินิจฉัยอาการแพ้อาหารสามารถตรวจสอบได้หลายวิธีโดยวิธีทางการแพทย์

จากความหมายและวิธีการวินิจฉัยจะเห็นได้ว่า อาการแพ้อาหารเป็นโรคประจำตัว (Medical Condition) อย่างหนึ่ง อีกทั้งเป็นโรคประจำตัวที่พบได้ทั่วไป จากการศึกษาทางสถิติ ในสหรัฐอเมริกามีผู้ป่วยมากกว่า 33 ล้านคนจากจำนวนประชากรประมาณ 340 ล้านคน ซึ่งหมายความว่า ในประชากรทุก ๆ 10 คนจะมีผู้แพ้อาหารประมาณ 1 คน ทำให้ข้อมูลการแพ้อาหารที่ต้องเก็บนั้นมีปริมาณมาก และหากยิ่งเป็นข้อมูลอ่อนไหวที่กฎหมายต้องการคุ้มครองเป็นพิเศษ เงื่อนไขในการดูแลรักษาทั้ง ‘ความเป็นส่วนตัว’ และ ‘ความปลอดภัย’ ย่อมมากยิ่งขึ้น

อาการแพ้อาหารเป็น ‘ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว’ หรือไม่

 เมื่อข้อมูลการแพ้อาหารจัดเป็นโรคประจำตัว (Medical Condition) จึงอาจถูกตีความได้ว่าเป็น “ข้อมูลสุขภาพ” ซึ่งจัดเป็นข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวประเภทหนึ่งตามมาตรา 26 ของ PDPA แต่เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายลำดับรองของประเทศไทย หรือแนวทางการตีความขอบเขตของคำว่า “ข้อมูลสุขภาพ” จึงอาจอาศัยกฎหมายของต่างประเทศเข้ามาเทียบเคียง ซึ่งพบว่ามีการให้ความหมายไว้โดยกว้าง หมายรวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพกายหรือสุขภาพจิตของบุคคลธรรมดา และยังรวมถึงการให้บริการทางสุขภาพซึ่งเปิดเผยข้อมูลสถานะทางสุขภาพของเจ้าของข้อมูลด้วย ทั้งในในอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคตก็ตาม อีกทั้งคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหราชอาณาจักร (Information Commissioner’s Office: ICO) ยังได้ขยายความว่าข้อมูลสุขภาพนั้นไม่เพียงแต่ครอบคลุมรายละเอียดเฉพาะเกี่ยวกับโรค การทดสอบ หรือการรักษา แต่รวมถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องใดที่เปิดเผยเกี่ยวกับสุขภาพของเจ้าของข้อมูล เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับการบาดเจ็บ ความพิการ หรือความเสี่ยงต่อโรค ความคิดเห็นของแพทย์ การรักษาทางคลินิก ข้อมูลการตรวจสุขภาพ ผลการทดสอบ ข้อมูลจากอุปกรณ์ทางการแพทย์ หรือข้อมูลจากตัวติดตามสุขภาพ (fitness tracker) การนัดหมายของแพทย์ เป็นต้น

เห็นได้เลยว่าการจะโต้แย้งว่า “ข้อมูลการแพ้อาหาร” ไม่ใช่ข้อมูลสุขภาพซึ่งเป็นข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวคงเป็นไปได้ยาก และไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเมื่อเป็นข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว หรือข้อมูลตามมาตรา 26 ของ PDPA ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลย่อมมีหน้าที่เพิ่มขึ้นตามกฎหมายก่อนที่จะเก็บรวบรวม ใช้ บันทึก เปิดเผยข้อมูลดังกล่าว โดยขั้นตอนในการคุ้มครองข้อมูลการแพ้อาหารให้ถูกต้องตาม PDPA มีดังนี้

1. จัดทำบันทึกรายการกิจกรรมการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หรือ RoPA ของกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับ “ข้อมูลการแพ้อาหาร” เพื่อจะได้พิจารณาฐานการประมวลผลข้อมูล (Legal Basis) ว่าจำเป็นต้องขอความยินยอมหรือไม่

กรณีที่ไม่ต้องขอความยินยอม : อาจเป็นกรณีเข้าข้อยกเว้นตามกฎหมาย เช่น กรณีที่จำเป็นเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล ซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่สามารถให้ความยินยอมได้ ไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม ตามมาตรา 26(1) หรือฐานการจำเป็นในการปฏิบัติตามกฎหมายเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการวินิจฉัยโรคทางการแพทย์การให้บริการด้านสุขภาพ การรักษาทางการแพทย์ และการจัดการด้านสุขภาพ ตามมาตรา 26(5)(ก)

กรณีที่จำเป็นต้องขอความยินยอม : เมื่ออ้างฐานความยินยอม องค์กรจะต้องจัดทำแบบฟอร์มขอความยินยอม ซึ่งควรจัดทำในรูปแบบที่ถูกต้องตามเงื่อนไขของกฎหมาย “ชัดเจน เข้าใจง่าย และแยกส่วนจากข้อตกลงอื่นๆ” และควรทำในรูปแบบที่สะดวกต่อการให้ความยินยอม และการบริหารจัดการบันทึกคำขอความยินยอม และการเพิกถอนความยินยอมด้วย

2. แจ้งประกาศความเป็นส่วนตัว โดยครอบคลุมถึงการเก็บ บันทึก ใช้ เปิดเผย “ข้อมูลการแพ้อาหาร” รวมถึงสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และช่องทางการติดต่อองค์กรผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล

3. หากมีการบันทึกจัดเก็บข้อมูลการแพ้อาหาร องค์กรควรเลือกใช้มาตรการคุ้มครองข้อมูลที่รัดกุม กำหนดสิทธิการเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวเฉพาะผู้ที่จำเป็น และเลือกใช้เครื่องมือรักษาความปลอดภัยให้เหมาะสมกับรูปแบบการบันทึกข้อมูล

4. วิธีการอื่นๆ ที่อาจทำได้แทนการเก็บ บันทึก หรือใช้ “ข้อมูลการแพ้อาหาร” เพื่อจะได้ไม่ต้องอ้างฐานความยินยอม

4.1. การแจ้งว่าอาหารที่ให้บริการนั้นมีส่วนผสมของสิ่งใดบ้าง หรืออาจมีสารก่อภูมิแพ้ชนิดใดบ้าง โดยหากผู้โดยสารมีอาการแพ้อาหารบางชนิด แนะนำให้ปรึกษากับแพทย์และติดต่อองค์กรมาก่อนเข้าใช้บริการ ซึ่งในบางธุรกิจ เช่น ธุรกิจสายการบินมีการอนุญาตให้ผู้โดยสารที่มีอาการแพ้อาหารสามารถเตรียมอาหารมาทานเองได้ หรือกำหนดให้เฉพาะผู้โดยสารที่มีอาการแพ้อาหารรุนแรงต้องกรอกเอกสารทางการแพทย์ตามที่สนามบินกำหนด (ซึ่งกรณีนี้จะช่วยลดจำนวนของความยินยอมและปริมาณข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวที่องค์กรต้องดูแลลงได้)

4.2. การกำหนดรายการอาหารที่หลากหลาย และใช้วิธีการแจ้งล่วงหน้าว่าอาหารรายการใดมีส่วนประกอบจากอาหารชนิดใดบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาหารที่กระตุ้นให้เกิดอาการภูมิแพ้ได้ง่าย เช่น ถั่ว เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถเลือกทานอาหารที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้โดยที่ไม่ต้องเปิดเผยข้อมูลการแพ้อาหารของตนเอง

จะเห็นได้ว่า หากองค์กรจำเป็นต้องเก็บ บันทึก ใช้ ส่งต่อ “ข้อมูลการแพ้อาหาร” PDPA ไม่ได้ห้ามไม่ให้องค์กรดำเนินการดังกล่าว เพียงแต่ต้องทำหน้าที่ตามกฎหมายให้ครบถ้วน และดูแลความปลอดภัยของข้อมูลอย่างระมัดระวัง ทั้งนี้ หากองค์กรสามารถเลือกใช้วิธีการอื่นใดเพื่อลดการเข้าถึงข้อมูลการแพ้อาหารได้ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงทางเหตุละเมิดขององค์กรไปได้เช่นกัน และหากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเก็บข้อมูลการแพ้อาหาร หรือข้อมูลสุขภาพ เอเทนติค คอนซัลติ้ง ยินดีให้คำปรึกษาและแนะนำวิธีการที่จะช่วยให้องค์กรของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและถูกต้องตามกฎหมาย PDPA ยกระดับภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กรด้วยความใส่ใจในความเป็นส่วนตัวของลูกค้า


ปัญญ์สุรี กาญจนพงศ์
Lead - Legal Technology Counselor
ปิลันชลี แซ่ฟุง
Legal Technology Counselor
อารยา เฮงมา
Legal Intern
เกี่ยวกับเอเทนติค ข่าวสารและบทความล่าสุด บริการของเรา ติดต่อเรา ร่วมงานกับเรา